ก่อนที่จะเริ่มอ่านบทความนี้ ผมมีคำถาม 3 ข้อที่อยากจะให้คุณตอบ
- คุณมีเวลาว่างน้อยใช่หรือเปล่า?
- คุณชอบอ่านหนังสือด้วยหรือเปล่า?
- และคุณกำลังฝึกภาษาอังกฤษอยู่ใช่มั้ย?
ถ้าคำตอบคือ “Yes” ทั้งสามข้อ ผมก็อยากจะให้คุณนั่งลงสั่งแปบ อดทนฟังผมเล่าเรื่องสักนิด รับรองว่าผมจะไม่ทำให้คุณเสียเวลา เพราะผมกำลังจะแนะนำวิธีที่จะทำให้คุณได้ฝึกภาษาที่สามารถกลมกลืนไปกับไลฟ์สไตล์อันแสนวุ่นวายของเราได้ โดยผ่านแอพพลิเคชันหนังสือเสียงภาษาอังกฤษที่ชื่อว่า Audible
Audible คืออะไร?
Audible เป็นบริษัทลูกภายใต้ Amazon ที่ผลิต “หนังสือเสียง” หรือ “Audiobook” รายใหญ่ที่สุดของโลก ซึ่งรวบรวมหนังสือเสียงภาษาอังกฤษเอาไว้มากกว่า 180,000+ เล่ม เพราะฉะนั้นไม่ว่าคุณจะเป็นหนังสือคอไหน คอนั้นจะได้รับการสนองในแอพฯนี้อย่างแน่นอน
แต่การเข้าถึงหนังสือเสียงมากมายมหาศาลขนาดนี้อาจจะต้องมีค่าใช้จ่ายกันนิดนึงครับ สามารถดูสรุปราคาได้ข้างล่างนี้เลยครับ
PLAN - PRICE
Description
GOLD MONTHLY
$ 14.95
- 1 เครดิต / เดือน
- เครดิตสะสมไม่เกิน 5
- รับส่วนลด 30% หากซื้อเล่มอื่นๆ
- แลกเปลี่ยนหนังสือได้
- เข้าถึง Original Premium Podcast
GOLD ANNUAL
$ 149.95
- 12 เครดิต / ปี
- เครดิตสะสมไม่เกิน 6
- รับส่วนลด 30% หากซื้อเล่มอื่นๆ
- แลกเปลี่ยนหนังสือได้
- เข้าถึง Original Premium Podcast
PLATINUM MONTHLY
$ 22.95
- 2 เครดิต / เดือน
- เครดิตสะสมไม่เกิน 10
- รับส่วนลด 30% หากซื้อเล่มอื่นๆ
- แลกเปลี่ยนหนังสือได้
- เข้าถึง Original Premium Podcast
PLATINUM
ANNUAL
$ 229.5
- 24 เครดิต / เดือน
- เครดิตสะสมไม่เกิน 12
- รับส่วนลด 30% หากซื้อเล่มอื่นๆ
- แลกเปลี่ยนหนังสือได้
- เข้าถึง Original Premium Podcast
- ไม่ใช่บุฟเฟต์ครับ จ่ายรายเดือนแล้วก็ต้องจ่ายเป็นรายเล่มอยู่ดีครับ (เอ๊า! แล้วจะจ่ายรายเดือนทำไม)
- เหตุผลก็คือ ถ้าคุณสมัครสมาชิกรายเดือนคุณจะได้รับ 1 เครดิต ซึ่งสามารถนำไปแลกหนังสือเสียงราคาเท่าไหร่ก็ได้ 1 เล่ม พร้อมส่วนลด 30% สำหรับการซื้อหนังสือเสียงเล่มอื่นๆ
- เพราะฉะนั้น การสมัครสมาชิกรายเดือนจะคุ้มค่าก็ต่อเมื่อในเดือนนั้นๆคุณซื้อหนังสือราคารวมกันแล้ว “แพงกว่า” ค่าสมาชิก + ค่าหนังสือที่ลดแล้ว
คิดว่าทุกคนน่าจะรู้จักแอพฯนี้กันเพียงพอแล้วนะครับ ทีนี้เรามาดูกันว่ามันช่วยจะช่วยเราฝึกภาษาอังกฤษได้อย่างไร
ทำไมถึงต้องใช้ Audible?
อย่างที่เกริ่นให้อ่านไปเมื่อตอนต้นว่าแอพฯนี้เป็นแอพฯที่รวบรวมหนังสือเสียงภาษาอังกฤษไว้เป็นแสนๆเล่ม แน่นอนว่ามีตั้งแต่หนังสือที่ฟังง่ายไปจนถึงยาก และที่เราจะต้องโฟกัสกันก็คือหนังสือที่ “ฟังง่าย” นี่ล่ะครับ
ถ้าแกรมม่าโคตรเป๊ะ มาสิบได้สิบ มาร้อยได้ร้อย แต่พอไปเจอฝรั่งตัวเป็นๆมาพูดรัวใส่แล้วฟังไม่รู้เรื่อง แกรมม่าที่อุตส่าห์ท่องมาจนเซียนจะไปมีประโยชน์อะไรล่ะครับจริงมั้ย อย่างน้อยก็ไม่ใช่ตอนนี้
เพราะฉะนั้นการแกะคำพูดให้ออกแม้ว่าฝรั่งคนนั้นรัวลิ้นขนาดไหนก็ตามจึงเป็นเรื่องสำคัญที่มองข้ามไม่ได้เลย
วนกลับมาที่หนังสือเสียงที่ฟังง่าย หนังสือเหล่านี้มักจะอยู่ในหมวด Adult fiction ครับ แต่ถ้าคุณรู้สึกว่ามันยากเกินไปก็เลื่อนระดับลงมาเป็น Young adult fiction ถ้ายังคงติดๆขัดๆอยู่ก็ลองมาเริ่มกับหนังสือจำพวก Graded reader ได้ครับ เพราะหนังสือประเภทนี้จะมีการแบ่งระดับย่อยลงไปอีกตั้งแต่ 1-6 ซึ่งมาถึงตรงนี้ผมเชื่อว่าทุกคนฟังรู้เรื่องแน่นอนครับ
คุณจะได้ประโยชน์อะไรจาก Audible?
ชัวร์ๆเลยครับว่าการฝึกฟังแบบนี้ทุกวันจะทำให้การฟังของคุณดีขึ้นแน่นอน เพราะมันคือจุดประสงค์หลักอยู่แล้ว
..แต่สิ่งที่คุณจะได้เพิ่มมานั้นมีอีกมากมายเลยครับไม่ว่าจะเป็น
- สำเนียงการพูด
- การออกเสียง
- อรรถรสในการเล่าเรื่องราว
- ขึ้นชื่อว่าหนังสือแล้ว ความรู้ตามมาเป็นพรวนแน่นอน
การใช้งาน Audible
เพื่อให้เกิดความงงน้อยที่สุดในตอนเริ่มใช้งาน ผมจะขอแนะนำวิธีใช้เบื้องต้นไว้นิดนึงนะครับ เพราะเจ้าแอพฯนี้มีความประหลาดอยู่นิดหน่อยครับ
เริ่มต้นใช้งาน
สมัครสมาชิก
สมัครสมาชิก
สมัครสมาชิกพร้อมกับลองใช้งานได้ที่ Amazon.com ถ้าหากคุณยังไม่มี account ของ Amazon ก็จะต้องสมัครก่อนนะครับ
ดาวน์โหลดแอพฯ
ดาวน์โหลดแอพฯ
ดาวน์โหลดแอพฯลงเครื่องของคุณได้ที่ Audible.com
เลือกหนังสือ
เลือกหนังสือ
ความแปลกของไอเจ้าแอพฯนี้คือเราจะไม่สามารถซื้อหนังสือผ่านแอพฯโดยตรงได้ครับ เราต้องไปซื้อในเว็บก่อนครับ ซึ่งตอนนี้ถ้าคุณสมัครทดลองใช้งานไปแล้วคุณจะได้สิทธิ์ในการรับหนังสือเล่มไหนก็ได้ฟรี 1 เล่ม (ช่วงทดลองหมดก็ไม่หายไปนะเออ) เพราะฉะนั้นสามารถไปเลือกอย่างเมามันได้ที่หน้าเว็บไซต์เลยครับ
ดาวน์โหลดหนังสือในแอพฯ
ดาวน์โหลดหนังสือในแอพฯ
หลังจากเลือกหนังสือในเว็บเรียบร้อย พอกลับเข้ามาในแอพฯ จะเห็นว่าหนังสือที่เราเลือกมารออยู่ในแท็บ My Library เรียบร้อยแล้ว ที่เหลือก็แค่ดาวน์โหลดแล้วเริ่มฟังได้เลยครับ
แนะนำวิธีฝึกการฟังกับ Audible
มาถึงตรงนี้ทุกคนก็คงรู้จักเจ้าแอพฯนี้เป็นอย่างดีแล้ว ทีนี้ผมจะขอแนะนำวิธีฝึก (ที่มันเวิร์คสำหรับผม) กันสักนิดนะครับ
เลือกให้ตรงกับเรา
ทั้งเนื้อเรื่องและระดับ หนังสือทุกเล่มจะมีตัวอย่างให้กดฟังอยู่แล้วครับ เพราะฉะนั้นก่อนซื้อ ลองฟังดูก่อนว่าเราโอเคกับมันมั้ย แนะนำว่าอย่าไปฝืนนะครับ เพราะถ้าคุณฟังแล้วรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องเป็นส่วนใหญ่ คุณจะไม่พบกับความสนุกจากการฝึกด้วยวิธีนี้เลยครับ
ฟังให้รู้เรื่องมันไปเลย
หากฟังไม่รู้เรื่อง ติดประโยคใดประโยคหนึ่ง หรือแค่คำเดียว แม้ว่าโดยรวมจะรู้เรื่องแล้ว แต่ผมแนะนำว่าให้ย้อนกลับไปฟังจนกว่าจะรู้เรื่องครับ ในแอพฯมีปุ่มย้อนรองรับ และยังสามารถให้อ่านช้าลงได้อีกด้วย เพราะฉะนั้นผมเลยอยากให้การ “ข้าม” เป็นทางเลือกสุดท้ายครับ
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ลางเนื้อชอบลางยาครับ ขออย่างเดียว อย่าหยุดฝึกเสียก่อนก็พอครับ
Audible ในมุมมองของผม
จริงๆตอนนี้ผมก็อยู่ในช่วงทดลองใช้อยู่เหมือนกันครับ แต่เห็นว่าดีเลยรีบมาเขียนแนะนำก่อนเลย เพราะคำตอบของคำถามที่ผมถามไปข้างต้นนั้นคือ “Yes” หมดเลย ผมเลยค่อนข้างสนุกกับมันได้ครับ
ข้อสังเกตุอย่างหนึ่งคือ ผมเพิ่งมารู้ตัวว่าสกิลการฟังของผม ล้าหลัง กว่าสกิลการอ่านอยู่พอสมควรเลยล่ะ ก็เลยคิดว่าถ้าจะคุยกับฝรั่งขอฟังให้ลื่นก่อนน่าจะดีกว่า ไม่งั้นพูดเก่งแค่ไหนแต่ไม่รู้ว่าเค้าพูดอะไรมาก็ไม่รู้จะตอบอะไรไปเหมือนกัน5555
เพราะฉะนั้น สำหรับผมๆถือว่ามันเป็นแอพฯที่มีประโยชน์ สะดวก และสามารถนำไปใช้ในชีวิตจริงได้ ถึงแม้จะมีค่าใช้จ่ายอยูบ้างแต่ถ้ามันแลกกับการฟังได้อย่างคล่อง มันก็คุ้มล่ะเนอะ 😉
- รองรับทุกระดับ
- สามารถให้อ่านช้าลงได้
- และมีกดปุ่มย้อนเวลา 30 วินาที ทำให้เราสะดวกต่อการย้อนกลับไปฟังซ้ำได้
- มีแค่มือถือกับหูฟัง เริ่มฝึกได้ทันที
- ได้ภาษาไม่พอ ความรู้ติดมาด้วย
- จ่ายรายเดือนแล้ว ยังต้องมาซื้อแยกเล่มอีก
- เสียอรรถรสในการอ่านหนังสือแบบเป็นเล่มไป
เนื้อหาอัพเดทครั้งสุดท้าย 3 ปีที่แล้ว โดย Norathat Jongjitnant
ไม่ทราบว่า audible สามารถฟังไปด้วย ดูเนื้อหาไปด้วยได้หรือไม่คะ
จะฟังได้อย่างเดียวครับผม ไม่มีเนื้อหาโชว์ให้ แต่มีให้มันพูดช้าลงนะครับ 🙂
สวัสดีค่ะ ถ้าสมัครเดือนต่อไปทาง audible จะเพิ่ม credit อัตโนมัติมั้ยคะ
จะได้รับเพิ่มเดือนละ 1 ครับผม